Last updated: 18 เม.ย 2564 | 531 จำนวนผู้เข้าชม |
สบู่ที่ทําให้ผิวขาวทุกยี่ห้อจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญอย่างสารในกลุ่มไวท์เทนนิ่ง(Whitening) เพราะเป็นสารที่มีคุณสมบัติปรับผิวสีผิวให้สว่าง กระจ่างใสขึ้นได้ แต่สารในกลุ่มนี้มีอยู่ด้วยกันหลายตัว แต่ละตัวจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มีกลไกการทำงานอย่างไร มาดูกัน
1.วิตามินซี เป็นสารที่พบบ่อยในผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ตั้งแต่สบู่ ครีม โลชั่น ไปจนถึงอาหารเสริมหรือวิตามินแบบฉีด วิตามินซีเป็นวิตามินที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ จึงต้องรับจากภายนอกเท่านั้น วิตามินซีพบได้มากในผักผลไม้หลายชนิด มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอกันมากขึ้น
2.กลูต้าไธโอน เป็นสารที่คนอยากขาวต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะกลูต้าไธโอนเป็นอีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเม็ดสีผิว รวมทั้งทำให้เม็ดสีผิวที่มีอยู่ก่อนแล้วมีสีอ่อนจางลงด้วย ผิวจึงขาวขึ้น อมชมพูแลดูสุขภาพดี
3.อัลฟ่า-อาร์บูติน เป็นไวท์เทนนิ่งคุณภาพดี มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง เพราะจะเข้าไปจัดการที่ต้นเหตุ โดยจะยับยั้งไม่ให้เอนไซม์อย่าง Dopa กับ Tyrosine มาทำปฏิกิริยากันจนกลายเป็นเม็ดสีผิว ดังนั้นสารตัวนี้จึงช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำได้เป็นอย่างดี แถมยังปรับสีผิวให้สว่างขึ้นได้ด้วย จุดด่างดำก็ลดเลือนลง เป็นไวท์เทนนิ่งยอดนิยมที่ถูกนำไปเป็นส่วนผสมของสบู่ที่ทำให้ผิวขาวและผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหนังอีกอย่างมากมาย
4.วิตามินบี3 เป็นวิตามินอีกตัวที่นิยมนำมาใช้ในวงการความงาม วิตามินบี3 หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ Niacin amide ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี ช่วยปรับผิวที่หมองคล้ำให้ขาวขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นที่น่าสนใจอีก เช่น กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยผลัดเซลล์ผิว เป็นต้น จึงมีส่วนช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่นมากขึ้น พร้อมทั้งจัดการปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้เป็นอย่างดี
และทั้งหมดนี้ก็เป็นไวท์เทนนิ่งที่นิยมนำมาผสมในสบู่ที่ทําให้ผิวขาว บางยี่ห้ออาจใส่แค่ชนิดเดียว แต่บางยี่ห้ออาจใส่ร่วมกันหลายตัว เพราะฉะนั้นก่อนซื้อมาใช้อย่าลืมอ่านฉลากให้รอบคอบ ตรวจสอบดูว่ามีไวท์เทนนิ่งชนิดที่ต้องการหรือไม่ นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ “ความปลอดภัย” สบู่ที่ดีต้องมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรองรับจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ เพื่อความมั่นใจว่าใช้แล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพนั่นเอง
21 ก.ค. 2567
21 ก.ค. 2567
22 ก.ค. 2567