รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

Last updated: 23 มิ.ย. 2567  |  86 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

ใครที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการการผ่าตัด  ไม่อยากมีแผลเป็นบนใบหน้า ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์เพื่อทดแทนการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน เหมาะสมกับบุคคลดังต่อไปนี้

1.คนที่มีปัญหาหน้าผากแบนหรือหน้าผากยุบ

2.คนที่มีร่องลึกหรือรอยบุ๋มที่บริเวณหน้าผาก
 


หน้าผากเป็นก้อนเป็นคลื่นหลังจากฉีดฟิลเลอร์เพราะอะไร

หลายคนอาจจะสงสัยใช่หรือไม่ว่าทำไมบางคนหน้าผากเป็นคลื่นหรือเป็นก้อนหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากจะต้องฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง บริเวณชั้นเยื่อหุ้มกระดูกเท่านั้นเพื่อให้ผลลัพธ์ดูงดงามเป็นธรรมชาติ เป็นการเสริมกระดูกขึ้น คนที่ฉีดด้วยเทคนิคนี้เมื่อแตะผิวที่หน้าผากจะไม่มีความยวบหรือยุบ ไม่สามารถคลำไปเจอฟิลเลอร์ที่เป็นเนื้อนิ่มๆ  เพราะว่าฟิลเลอร์จะอยู่บริเวณชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก ผิวหน้าผากจึงเรียบเนียนและไม่เป็นคลื่น

หากว่าแพทย์ไม่มีความชำนาญ ฉีดในชั้นตื้นขึ้นมาหรือฉีดชั้นกล้ามเนื้อ เมื่อแตะหรือคลำดูจะคลำพบเนื้อฟิลเลอร์นิ่มๆ บริเวณหน้าผาก เมื่อกดเบาๆ เนื้อฟิลเลอร์ก็จะยุบหรือไหลได้อีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์จะโดนกล้ามเนื้อที่ใช้ยักคิ้วดึงออกมารวมกันกองเป็นก้อนหรือไหลย้อยเป็นคลื่น แม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ก็ตามที หรือบางคนอาจจะโชคร้ายไปฉีดกับหมอกระเป๋าหรือเจอกับฟิลเลอร์ปลอมก็ได้เช่นกัน

 

บริเวณที่ควรฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก


1.บริเวณร่องเหนือคิ้ว

เมื่ออายุมากขึ้น ร่องบริเวณหน้าผากเหนือคิ้วจะเกิดการยุบตัวเป็นร่อง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องเหนือคิ้วเหมาะกับคนที่ต้องการฉีดเพื่อเติมเต็มความเรียบเนียนให้กับหน้าผาก แต่ไม่ได้ต้องการให้หน้าผากโหนกนูนมากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความเป็นธรรมชาติ

2.บริเวณหน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากเหมาะกับคนที่อยากให้หน้าผากนูน แก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋มไม่เรียบเนียน เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าผากจะเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นและนูนสวย

 

ความแตกต่างระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากและการเติมไขมันหน้าผาก

เติมไขมัน
การเสริมหน้าผากอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพามีดหมอคือการเติมไขมันหน้าผาก โดยวิธีการนี้หลายคนมักนำมาเปรียบเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งการเติมไขมันหน้าผากคือการดูดไขมันของตนเองมาเติมที่หน้าผาก โดยข้อดีคือลดความเสี่ยงในเรื่องอาการแพ้ เพราะว่าใช้ไขมันในร่างกายของคนไข้ แต่จะมีกระบวนการดูดไขมัน ปั่นแยกของเหลวออกจากไขมันที่ดูด ซึ่งจะทิ้งรอยแผลเล็กๆ ไว้ เมื่อนำมาฉีดก็ไม่ได้รับประกันแต่อย่างใดว่าจะได้ผลลัพธ์ 100 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดีการเติมไขมันไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหากระดูกยุบตัว เพราะว่าในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกมีเส้นเลือดมาเลี้ยงน้อย เซลล์ไขมันไม่สามารถอยู่รอดได้ และไขมันจะเป็นเนื้อนิ่มๆ และไม่สามารถทำหน้าที่พยุงผิวหน้าได้ดีเท่ากับกระดูก เพราะฉะนั้นแล้วจึงต้องใช้ฟิลเลอร์แก้ไขแทนจะดีที่สุด

 
เติมฟิลเลอร์
สำหรับปัจจุบันนี้การเสริมหน้าผากด้วยฟิลเลอร์จัดว่ามีความนิยมสูงอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด อีกทั้งยังเจ็บน้อยกว่าเดิม ไม่ต้องพักฟื้น มอบผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่าการฉีดไขมัน อาจจะมีการบวมเข็มแต่ฟิลเลอร์จะยุบและเข้าที่ได้เองใน 7 –14 วัน

 

การสลายตัวของฟิลเลอร์หน้าผาก


ฟิลเลอร์หน้าผากไม่ได้เป็นการเสริมหน้าผากแบบถาวรแต่อย่างใด เพราะหลังจากที่ฉีดแล้ว กรดไฮยาลูรอนิคแอซิดจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งไม่มีผลข้างเคียง ระยะเวลาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้และการดูแลตัวเอง ซึ่งฟิลเลอร์หน้าผากจะใช้เวลาสลายประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นหากว่าต้องการรักษาผลลัพธ์ให้กลับมาฉีดซ้ำ

 

ความอันตรายของการฉีดหน้าผาก

เนื่องจากว่าหน้าผากเป็นจุดที่อันตรายอย่างยิ่ง หากว่าฉีดโดยที่แพทย์ไม่มีประสบการณ์และไม่ชำนาญ อาจจะเกิดอันตรายได้ เพราะเป็นบริเวณที่เส้นเลือดเชื่อมไปจนถึงลูกตา และการฉีดหน้าผากจะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากพอสมควร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดเพื่อความปลอดภัย และแพทย์จะต้องชำนาญ รวมถึงมีประสบการณ์ เพราะหากว่าเกิดข้อผิดพลาดแล้วไม่ได้แก้ไขแบบทันท่วงที อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้นั่นเอง

 

ข้อดีที่ทำให้หลายคนเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก


ไม่มีแผลผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น นอกจากนี้ยังใช้เวลาในการทำไม่นาน การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องยาก

- เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัด และเห็นผลชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์

- สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เพิ่มความนูนและลดความนูน แจ้งความประสงค์กับแพทย์ได้ตามที่ใจปรารถนา

- อยู่ได้นาน 1 ปี โดยไม่ต้องเติมใหม่ กรณีที่พึงพอใจฟิลเลอร์

- เมื่อฟิลเลอร์หมดแล้วก็ทยอยเติมได้เรื่อยๆ

- หากต้องการแก้ไขสามารถแก้ไขได้โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด
 


เตรียมตัวอย่างไรเมื่อจะไปฉีดฟิลเลอร์


ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากให้ละเอียดถี่ถ้วน

- เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข

- ดูรีวิวจากผู้ใช้จริงในคลินิก ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพก็ดี คลิปวิดิโอก็ดี

- งดยาแอสไพริน วิตามิน น้ำมันตับปลา ยาผลัดเซลล์ผิว ก่อนฉีดฟิลเลอร์

- งดดื่มแอลกอฮออล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง

- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่นการออกกำลังกายหนักๆ หรือการอบซาวน่า

 

ข้อควรทำหลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก

หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้ว หลายคนอาจจะพบว่ามีอาการบวมแดง ช้ำจากรอยเข็มได้เป็นปกติ และจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน

- อยู่ในที่ซึ่งมีอากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

- รับประทานยาที่คลินิกจ่ายให้ ซึ่งเป็นยาแก้ปวด และยาลดบวม

- งดการเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิวเป็นเวลา 1 เดือน

- ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและสวย อยู่ได้นานกว่าเดิม

 

ฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากควรใช้ปริมาณเท่าใด

การฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก ควรฉีดหน้าผากครั้งละประมาณ 1-5 ซีซี แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ และพิจารณาตามที่แพทย์ประเมิน แต่ไม่ควรฉีดเกินครั้งละ 5 ซีซี เพราะอาจจะเกิดการกดทับเนื้อเยื่อ และเกิดการบวมที่บริเวณรอบดวงตาได้นั่นเอง หากไม่พึงพอใจสามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ โดยการทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะใช้ทั้งหมด 3-10 ซีซีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ หากไม่พอใจในผลลัพธ์ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้

 

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ที่ไหนดี

การเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรพิจารณาจากสถานพยาบาลที่ให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตและใบรับรอง มีแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิก หรือแพทย์ผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์ควรเป็นแพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการฉีดฟิลเลอร์ โดยได้รับใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพแพทย์ มีความรู้ทางกายวิภาคบนใบหน้า มีเทคนิคฉีดที่ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้ว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้หรือฟิลเลอร์ปลอม


จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากเป็นการทำหัตถการที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มความสวยในทุกอิริยาบถ อย่าลืมเลือกคลินิกที่ปลอดภัยและถูกใจสำหรับคุณเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีดเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในพริบตาอย่างน่าอัศจรรย์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้